วิธีติดหินกาบฉบับอ่านง่าย ปูหินกาบอย่างไรให้สวยและอยู่นาน

วิธีติดหินกาบฉบับอ่านง่าย ปูหินกาบอย่างไรให้สวยและอยู่นาน
เมื่อพูดถึงวัสดุตกแต่งบ้านจากธรรมชาติ หินกาบถือเป็นหินที่มีความหลากหลายทางการใช้งานไม่หินอ่อน หรือหินแกรนิต หากคุณยังนึกภาพไม่ออกมาหินกาบหน้าตาเป็นอย่างไร ลองนึกถึงกำแพงน้ำตกที่มีสีน้ำตาลปนสีดำ หรือสวนมีทางเดินเป็นแผ่นหินสีเข้ม ในบทความนี้ได้สรุปวิธีติดหินกาบแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยให้บ้านและสวนของคุณดูดีมีเสน่ห์อย่างที่คุณต้องการ

วิธีติดหินกาบฉบับอ่านง่าย ปูหินกาบอย่างไรให้สวยและอยู่นาน

เมื่อพูดถึงวัสดุตกแต่งบ้านจากธรรมชาติ หินกาบถือเป็นหินที่มีความหลากหลายทางการใช้งานไม่หินอ่อน หรือหินแกรนิต หากคุณยังนึกภาพไม่ออกมาหินกาบหน้าตาเป็นอย่างไร ลองนึกถึงกำแพงน้ำตกที่มีสีน้ำตาลปนสีดำ หรือสวนมีทางเดินเป็นแผ่นหินสีเข้ม ในบทความนี้ได้สรุปวิธีติดหินกาบแบบง่าย ๆ ที่จะช่วยให้บ้านและสวนของคุณดูดีมีเสน่ห์อย่างที่คุณต้องการ

หินกาบคืออะไร

หินกาบ (Slate) หรือหินชนวน คือหินธรรมชาติ ซึ่งเป็นประเภทเดียวกันหินแกรนิต มีสีทึบและออกโทนเข้มอย่างสีดำ สีน้ำตาล สีเทา สีเขียวเข้ม หรือสีน้ำเงิน หินกาบในธรรมชาติจะมีลักษณะเป็นแผ่น มีพื้นผิวขรุขระ เนื้อหินเป็นเส้นริ้วที่ค่อนข้างละเอียดทำให้หินกาบแตกออกเป็นตามแนวเส้นได้ง่าย และทำให้นำไปตัดแต่งรูปทรงได้ง่ายเช่นเดียวกัน

คุณสมบัติที่ทำให้หินกาบโดดเด่นจากหินชนิดอื่นก็คือ หินกาบสามารถกันน้ำได้ดีมาก เพราะเนื้อหินมีละเอียดและไม่มีรูพรุนเหมือนอย่างหินอ่อนและหินแกรนิต โมเลกุลน้ำจึงซึมเข้าไปในเนื้อหินได้ยากทำให้หินกาบสามารถอยู่ในพื้นที่ที่มีความชื้นได้นานโดยไม่สึกหรอ และเป็นตัวเลือกที่ดีในการมุงหลังคา ตกแต่งสวน สร้างเป็นกำแพงน้ำตก หรือปูพื้นห้องน้ำ

หินกาบควรลงบนพื้นผิวแบบไหน

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า หินกาบมีเนื้อละเอียดที่แตกออกเป็นแผ่นได้ง่าย การปูหินกาบจึงจะปูบนพื้นซีเมนต์เนื้อหยาบเป็นส่วนมาก ซึ่งพื้นตรงนี้ควรมีความแข็งแรงเพื่อซัปพอร์ตแผ่นหิน มีระดับเท่าและไม่มีรอยแตกร้าว ท่านใดที่กำลังจะลงวางแผนที่จะรื้อกระเบื้องและปูใหม่ด้วยหินกาบ อย่าลืมตรวจสอบให้แน่ใจว่าฐานซีเมนต์ยังแข็งแรงและไม่มีปัญหาน้ำรั่ว หรือสึกกร่อน

วิธีติดหินกาบแบบง่าย ๆ

เรามาดูตัวอย่างวิธีติดหินกาบบนพื้นที่ที่มีขนาดกว้างแล้วเข้าถึงง่ายอย่างผนังหรือพื้นห้อง

1. เตรียมพื้นผิวให้เรียบร้อย

อันดับแรก ก่อนจะลงมือปูหินกาบ ต้องมั่นใจว่าพื้นผิวของเราพร้อมที่จะปูหินลงไป ทำความสะอาดพื้นผิวแล้วเช็ดให้แห้ง จากนั้นตีเส้นด้วยบักเต้าหรือชอล์กเพื่อกำหนดทิศทางของการติดหิน และอย่าลืมวัดขนาดหินก่อนตีเส้นเพื่อความแม่นยำในการทำงาน

2 เตรียมกาวซีเมนต์

กาวที่เราจะใช้ติดหินกาบจะเป็นกาวซีเมนต์ที่ใช้ในงานก่อสร้างทั่วไป ผสมน้ำและเนื้อกาวตามที่คำแนะนำที่อยู่บนฉลาก และกวนให้เข้ากัน ระวังอย่าผสมกาวทิ้งไว้จนมากเกินพอ เพราะกาวซีเมนต์จะแห้งและแข็งตัวก่อนที่เราจะได้ใช้มัน

3. ปาดกาวด้วยเกรียง

ใช้ด้านเรียบของเกรียงหวีปาดกาวลงบนพื้นผิว และใช้ด้านหวีปาดกาวให้เป็นร่องเพื่อการยึดเกาะที่ดี แนะนำให้ลงกาวแค่ครั้งละ 1 ตารางเมตร หรือหากเป็นหินแผ่นใหญ่ ควรลงกาวพอดีกับพื้นที่ทีละแผ่นเพื่อป้องกันไม่ให้กาวแข็งตัวก่อนได้

และเราสามารถทำความสะอาดกาวซีเมนต์ที่เลอะออกมาบนตัวหินได้ง่าย ๆ ด้วยผ้าชุบน้ำและควรเช็ดโดยทันทีก่อนกาวจะแห้ง

4. ปูหินกาบ

วางหินลงบนกาวบนกาวประณีตและกดให้แน่น ในการติดหินบนพื้นแนวตั้งอย่างผนังหรือเสา ควรเริ่มติดจากด้านล่างแล้วค่อย ๆ ไล่ขึ้นด้านบน ในกรณีการปูพื้นด้วยหิน ควรเริ่มปูจากกลางห้องก่อนแล้วทำแตกออกมารอบนอก ปูหินกาบไปเรื่อย ๆ ตามทิศทางและดีไซน์ที่กำหนดไว้โดยเว้นบริเวณขอบและมุมไว้ก่อน

สำหรับการติดหินแบบเว้นช่องระหว่างแผ่น ใช้ตัวกั้นร่องกระเบื้อง (Tile spacer) เพื่อเป็นตัวช่วยในการเว้นระยะระหว่างแผ่นให้กัน เมื่อทำกาวเริ่มแห้ง ใช้คีบปากแหลมดึงตัวกั้นร่องออก

5. ตัดขอบ เข้ามุม เก็บงาน

บริเวณขอบผนัง มุมเสา หรือมุมห้องเป็นส่วนซับซ้อนขึ้นมาหน่อย เพราะอาศัยการตัดหรือเจียรหินเพื่อให้เข้ากับพื้นที่ได้พอดี

ทั้งนี้ การเข้ามุมหินกาบเวลาปูกระเบื้องที่มุมห้องหรือมุมของเสาหินจะต้องอาศัยความชำนาญและความประณีตมากกว่าขั้นตอนอื่นเพื่อชิ้นงานออกมาเรียบร้อยและไม่เป็นอันตรายต่อการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น

วิธีเข้ามุมแบบ 45 องศา ต้องมีการเจียรด้านหนาของหินเป็นแนวทแยง 45 องศา เมื่อนำหินตรงมุมสองด้านมาวางเข้าที่แล้ว หินทั้งสองแผ่นจะประกอบกันได้พอดี ออกมาเป็นมุมเสาที่เรียบร้อยและสวยงาม

หรือการเข้ามุมแบบปากกบ ที่มักจะใช้กับท็อปเคาน์เตอร์ ก็เริ่มจากการเจียรหิน 45 องศาเหมือนกัน แต่จะเว้นสันขอบไว้ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร เมื่อวางหินเข้ามุม ขอบนอกของแผ่นหินจะไม่ประจบกัน ได้เป็นร่องประมาณ 1 เซนติเมตรที่รูปร่างคล้ายปากกบ

อย่างก็ดี อย่าลืมที่จะวัดขนาดของบริเวณขอบและมุมก่อนที่จะเจียรหิน และเมื่อติดหินเสร็จแล้ว เพียงเช็ดทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำ เท่านี้ก็ถือว่าเสร็จงานแล้ว

ปูหินกาบแล้ว ดูแลอย่างไร

ปัจจัยที่จะช่วยให้หินกาบอยู่กับบ้านของคุณได้ยาวนาน มีอยู่ 2 ข้อหลักๆ นั้นคือ การติดตั้งหินอย่างถูกวิธี และการดูแลอย่างสม่ำเสมอ

หลังจากได้พื้นหรือผนังหินการสวย ๆ แล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือการเคลือบด้วยน้ำยา หรือ sealer ซึ่งโดยทั่วไปควรเคลือบปีละ 1 ครั้ง หน้าที่ของน้ำยาเคลือบหินคือ 1. ป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกซึมเข้าสู่เนื้อหิน 2. ลดโอกาสของการเกิดคราบฝังลึก 3. ป้องกันรอยขีดข่วน 4. ช่วยให้หินมีความเงางาม 5. ช่วยให้สีธรรมชาติของหินไม่ซีดหรือจางลง

สำหรับพื้นบ้านที่ปูด้วยหินกาบ ควรหลีกเลี่ยงการขนย้ายของหนัก อย่างเฟอร์นิเจอร์หรือกระถางต้นไม้บนพื้นหิน เนื่องจากด้วยความที่หินกาบมีเนื้อที่ค่อนข้างละเอียด การเสียดสีอาจทำให้เกิดเป็นรอยขีดข่วนหรือแตกร้าวได้

อีกวิธีดูแลรักษาหินกาบก็คือ การทำความสะอาดเป็นประจำโดยไม่ใช้สารเคมีที่เป็นกรดหรือด่างมากเกินไป ยิ่งพื้นหินกาบปูเป็นท็อปเคาน์เตอร์หรือพื้นห้องครัว ยิ่งต้องระวังอย่าปล่อยให้ อาหาร เครื่องดื่มหรือน้ำมันหกอยู่บนหินนานเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดเป็นคราบได้

สรุปแล้ว ต้องติดหินกาบอย่างไร

ชัดเจนว่า หินกาบเป็นวัสดุที่มีเสน่ห์ด้วยสีและพื้นผิว มีความบอบบางแต่ก็ใช้งานได้ง่ายและหลากหลายไม่แพ้หินชนิดอื่น อย่างไรก็ตามทุกสเต็ปของการปูหินกาบต้องอาศัยความประณีต ประสบการณ์ และความเข้าใจในธรรมชาติของตัวหิน โดยเฉพาะขั้นตอนการตัดขอบเก็บขอบหินที่เป็นสเต็ปที่ยากและละเอียดอ่อน ซึ่งแน่นอนว่าช่างหินเฉพาะทางของ G1 Stoneworks ก็ยินดีช่วยเหลือคุณ

หากคุณอยากตกแต่งบ้านด้วยหินสวย ๆ แต่ยังลังเลใจ เข้ามาพูดคุยกับเรา G1 ให้ความสำคัญในทุกขั้นตอนตั้งแต่การวางแผน การจัดหาวัสดุคุณภาพดี การวางดีไซน์ ไปจนถึงการติดตั้งและดูแลอย่างใส่ใจและเป็นอาชีพ ไว้ใจให้เราช่วยสร้างบ้านในอุดมคติของคุณ