หินเทียม หินสังเคราะห์คืออะไร? ข้อดี–ข้อเสียและสิ่งที่ควรรู้ก่อนเลือกใช้

หินเทียมคืออะไร? ต่างกับหินสังเคราะห์หรือไม่?

หินเทียม (Engineered stone) คือวัสดุทางเลือกที่ได้รับความนิยมไม่แพ้หินแท้ อาคาร บ้าน หรือของแต่งบ้านในปัจจุบันก็มีการใช้หินเทียมอยู่มากมาย บางท่านอาจมีความเข้าใจว่า หินเทียมคือหินทำมาจากสารเคมีทั้งหมดและไม่มีส่วนผสมของหินจริงเลย แต่แท้จริงแล้ว หินเทียมได้มาจากการนำเอาหินแท้มาบดแล้วผสมเข้ากับตัวประสาน (Binder) อย่างเรซิน ก่อนจะอัดเข้าแท่นพิมพ์เพื่อให้ได้ออกมาเป็นก้อนหรือแผ่นที่พร้อมถูกนำไปใช้งาน สีและรูปลักษณ์ที่ได้ก็จะคล้ายคลึงกับหินแท้ด้วย 

แล้วหินสังเคราะห์คืออะไร ?

หินเทียมมีส่วนประกอบหลักเป็นหินแท้ แต่หินสังเคราะห์ (Solid surface) คือหินประดิษฐ์ที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนประกอบหลักของหินสังเคราะห์ได้แก่ อะลูมิเนียม อะคริลิก และเรซินโพลีเอสเตอร์ และยังมีการใส่สารเติมแต่ง (Additive) อย่าง เม็ดสี สารต้านรังสี UV หรือสารป้องกันเชื้อรา เพื่อให้หินมีคุณสมบัติที่ตอบโจทย์กับการใช้งาน

4 ปัจจัยที่ควรคิดถึงก่อนเลือกหิน

ก่อนจะไปทำความรู้จักกับหินเทียมประเภทต่าง ๆ มาดู 4 ปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงก่อนจะตัดสินใจเลือกใช้หินเพื่อตกแต่งอาคารหรือบ้านของคุณ

1. คุณภาพและราคา 

ในฐานะผู้ซื้อ คุณภาพของหินที่เราจะได้นั้นขึ้นอยู่กับผู้จัดหาหรือซัพพลายเออร์ล้วน ๆ ก่อนจะเลือกซื้อหินชนิดใดก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์และผู้จัดหาวัสดุก่อน และควรเปรียบเทียบราคา คุณภาพ รวมไปถึงเงื่อนไขของประกันสินค้าให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ

2. สไตล์และไลฟ์สไตล์ 

บ้านที่น่าอยู่ที่สุดคือบ้านที่เป็นตัวเรา มีพื้นที่และการตกแต่งที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ซึ่งหินเทียมก็มีจะสีสันและลวดลายให้เลือกใช้

3. คำนึงถึงการใช้งาน 

นอกจากจะดูดีแล้ว ยังต้องใช้งานได้จริงด้วย แต่ละส่วนของบ้านไม่ว่าจะเป็น พื้นห้องนั่งเล่น ผนังห้องน้ำ หรือท็อปเคาน์เตอร์ ย่อมมีการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นหินเทียมที่จะใช้ในแต่ละส่วนควรจะเป็นประเภทที่ตอบโจทย์การใช้งานในส่วนนั้นได้มากที่สุด เช่น หินสังเคราะห์กันน้ำได้ดี เป็นตัว-เลือกที่ดีสำหรับผนังห้องอาบน้ำ แต่จะเป็นตัวเลือกท้าย ๆ สำหรับท็อปเคาน์เตอร์ครัว เพราะหน้าหินไม่ทนต่อการขีดข่วน

4. เลือกช่างที่เชี่ยวชาญ 

การติดตั้งที่ถูกวิธีเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้หินอยู่กับบ้านของเราได้นาน โดยช่างที่ดีควรมีประสบการณ์ ความรู้เฉพาะทางเรื่องหินชนิดต่าง ๆ มีความเอาใจใส่ และสามารถให้คำปรึกษากับคุณได้

ประเภทของหินเทียม

ในปัจจุบัน มีการผลิตหินเทียม-หินสังเคราะห์ออกมาหลายประเภท หลายรูปแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ G1 Stonework ขอยกตัวอย่างหินเทียม 3 ประเภทที่ทางเรามีจำหน่ายและมีความเชี่ยวชาญมากที่สุดมาให้ผู้อ่าน

หินควอตซ์ (Quartz)

ควอตซ์เป็นหนึ่งในแร่ที่แข็งแรงที่สุดในโลก (ความแข็งอยู่ที่ระดับ 7 บน Mohs Scale ในขณะที่เพชรอยู่ที่ระดับ 10) แต่ควอตซ์ที่พบในธรรมชาติจะมีลักษณะเป็นคริสตัลที่มีรูปร่างและขนาดไม่แน่นอน หินควอตซ์ของ G1 ประกอบไปด้วยแร่ควอตซ์ 90-95% ที่ถูกประสานด้วยเรซินและสารเติมแต่งอื่น ๆ เพื่อให้มีลวดลายสวยงามและเหมาะกับการใช้งาน 

หินควอตซ์มีความแข็งแรงและทนต่อการขีดข่วน น้ำหนักเบา ทำความสะอาดได้ง่าย ทนต่อสารที่เป็นกรดและด่างได้ดี อีกทั้งยังไม่เป็นที่สะสมของแบคทีเรียเพราะเนื้อหินไม่เป็นรูพรุนเหมือนกับหินอ่อนหรือแกรนิต คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้หินควอซต์เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับท็อปเคาน์เตอร์ห้องครัว และผนังกันน้ำมันเป็นอย่างมาก

หินเทอราซโซ่ (Terrazzo)

เทอร์ราซโซ่ หรือหินขัด ประกอบไปด้วย ซีเมนต์ขาว หินเกล็ดและเม็ดสีตกแต่ง เรามักจะเห็นหินขัดถูกใช้เป็นกระเบื้องปูพื้นหรือผนังทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง หินเทียมชนิดนี้มีสามารถรับน้ำหนักได้เยอะโดยที่ไม่เกิดรอยแตก ทนฝน ทนแดด อีกทั้งยังมีสีสันและลวดลายที่หลากหลายให้เลือกใช้ 

คำว่า Terrazzo เป็นคำศัพทืภาษาอิตาลีที่แปลว่า ระเบียง หรือ Terrace ในภาษาอังกฤษ แล้วทำไมถึงเรียกกันว่า เทอร์ราซโซ่? ย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 15 กลุ่มคนงานชาวอิตาลีได้เกิดไอเดียสร้างสรรค์ในการนำเศษหินอ่อนและเกล็ดคริสตัลต่าง ๆ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ พวกเขาเอาเศษหินมาผสมกับปูนและปูให้เรียบเป็นพื้นทางเดิน พอเข้ายุคเรเนซองส์ การปูพื้นแบบนี้ก็ได้รับความสนใจจากหมู่ผู้มีฐานะและชนชั้นสูงในทวีปยุโรป เทอร์ราซโซ่กลายเป็นสไตล์การแต่งบ้านที่บ่งบอกถึงความร่ำรวย เมื่อเข้าศตวรรษที่ 18 เทอร์ราซโซ่ก็เข้าถึงสหรัฐอเมริกาก่อนที่จะถูกเผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งชื่อ เทอร์ราซโซ่ ก็ได้มาจากการที่ผู้คนนิยมปูพื้นระเบียงหรือชานบ้านด้วยพื้นหินสไตล์นี้และเป็นการให้เครดิตช่างชาวอิตาลีที่ได้สร้างสรรค์ไอเดียนี้ขึ้น

หินซินเทอร์ (Sintered stone)

หินซินเทอร์หรือหินเผาผนึก เป็นหินสังเคราะห์ที่โดดเด่นด้านความแข็งแรง ทนแดด ทนฝนและมีอายุการใช้งานที่นานกว่าหินชนิดอื่น หินซินเทอร์เกิดจากการนำแร่และหินจากธรรมชาติไปผ่านกระบวนการเผาผนึก หรือ Sintering ที่ใช้ความร้อนและแรงดันสูง หินซินเทอร์จึงมีความทนทานต่อการสึกหรอยิ่งกว่าหินควอตซ์และเหมาะกับการปูพื้นที่ทั้งภายนอกและภายในอาคาร 

ประเภทของหินเทียม

ข้อดีและข้อเสียของหินเทียม

ข้อดี: มีให้เลือกหลากหลาย

ข้อดีที่ชัดเจนที่สุดของหินเทียมคือ เราสามารถดีไซน์ให้หินเทียมมีคุณสมบัติและขนาดที่ต้องการได้ หินเทียมจึงถูกนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ อีกทั้งคุณภาพ สีและลวดลายของหินก็มีความสม่ำเสมอเท่ากันทั้งแผ่น และยังมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่าหินแท้

ข้อดี: กันน้ำได้ดีกว่าหินแท้

เนื้อของหินเทียมและหินสังเคราะห์ไม่มีรูพรุนเหมือนหินที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งแปลว่าหินเหล่านี้มีความกันซึมอยู่ในตัว ยากที่จะเกิดรอยด่างหรือคราบต่าง ๆ และไม่ต้องการเคลือบน้ำยาก่อนการใช้งาน และทำความสะอาดได้ง่าย เนื้อหินที่ไม่มีรูยังช่วยลดสะสมของเชื้อราและแบคทีเรียอีกด้วย

ข้อเสีย: ทนร้อนได้ไม่ดี

หินเทียมมีจุดอ่อนอยู่ที่ความร้อน เนื่องจากเรซินหรือโพลีเอสเตอร์ที่เป็นตัวประสานของเนื้อหินเทียมจะเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับของร้อนเป็นเวลานานและส่งผลให้หน้าหินเกิดเป็นรอยแตกร้าว 

ข้อเสีย: สีตกง่าย

นอกจากความร้อนแล้วหินเทียมยังแพ้ทางให้กับรังสี UV แสงแดดทำให้เม็ดสีที่ใส่ลงไปในหินซีดจางลงและทำให้เรซินเปลี่ยนจากสีใสเป็นสีเหลือง ฉะนั้นหินเทียมที่จะถูกภายนอกอาคารควรมีเป็นหินเทียมชนิดพิเศษออกแบบมาเพื่อใช้กลางแจ้งโดยเฉพาะ

เลือกหินเทียมให้ถูกสเปก

หินเทียมและหินสังเคราะห์ให้เลือกใช้อยู่หลายประเภท หลายเกรดในท้องตลาด ซึ่งแน่ว่าแต่ละประเภทก็มีประโยชน์และข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป และเพราะการติดตั้งหินเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาและมีค่าใช้จ่าย การเลือกประเภทของหินให้เหมาะสมกับพื้นที่และลักษณะการใช้งานจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ 

สำหรับทุกท่านที่อยากจะตกแต่งบ้านด้วยหินเทียม ซึ่ง G1 stonework มีทีมช่างเฉพาะและผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือคุณตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ จัดสรรวัสดุ ไปจนถึงการดูแลรักษาหินให้อยู่กับบ้านของคุณไปนาน ๆ