ปูพื้นหินอย่างไรให้สวนสวย มีเสน่ห์และอยู่นาน

ปูพื้นหินอย่างไรให้สวนสวย มีเสน่ห์และอยู่นาน
การปูพื้นหินในสวนเป็นไอเดียง่าย ๆ ที่จะช่วยยกระดับให้พื้นที่รอบบ้านของคุณดูมีสไตล์มากขึ้นและยังช่วยให้สวนคงความอุดมสมบูรณ์ แต่หินประเภทไหนบ้างที่เราสามารถใช้ได้ แล้วการปูพื้นหินจะต้องเริ่มต้นอย่างไร

ข้อดีของการปูพื้นหินในสวนของคุณ

หินเป็นวัสดุแต่งบ้านและสวนที่มีความพิเศษไม่เหมือนวัสดุอื่น ๆ หินธรรมชาติอย่างหินอ่อน หินกาบและหินแกรนิตเป็นตัวเลือกที่มีเสน่ห์ในตัว ช่วยสร้างสุนทรียภาพและปรับทัศนียภาพให้พื้นที่นอกและในบ้านของคุณได้เป็นอย่างดี แต่นอกจากความสวยงามแล้ว หินยังมีส่วนช่วยให้สมาชิกในบ้านใช้พื้นที่สวนได้อย่างเต็มที่และยังทำหน้าที่รักษาดินให้อุดมสมบูรณ์ด้วย

อยากมีสวนสวย ควรปูพื้นหินด้วยหินประเภทไหน

หินกาบ หินสเลท (Slate)

หินกาบจัดเป็นหินชนวนที่มีเนื้อละเอียดและลักษณะเป็นเส้น ๆ หินกาบที่พบในธรรมชาติพบในรูปร่างเป็นแผ่นมากกว่าเป็นก้อน และมักมีสีโทนมืดอย่าสีเทา สีดำ สีเขียว และสีน้ำเงินโดยขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของแร่และสิ่งที่เจือปนอยู่ในหิน หินกาบที่มักนำมาปูพื้นหินก็มักจะเป็นหินกาบแบบฟรีฟอร์ม (Free-form) สีเทาหรือสีน้ำเงินเข้มที่สร้างเสน่ห์และเพิ่มมิติให้กับสวนได้เป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากหินแบบฟรีฟอร์มแล้ว ก็ยังมีหินกาบแบบตัดที่มักใช้กรุเสา และหินกาบสันที่นิยมนำไปใช้ประกอบกำแพงน้ำตก

ข้อดี-จุดเด่น

หินกาบทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดี และยังกันน้ำได้ดีมาก ๆ เรียกได้ว่าน้ำแทบจะไม่ซึมเข้าตัวหินเลยเพราะเนื้อหินมีรูพรุนน้อย ผิวสัมผัสที่กร้านหยาบของหินยังเป็นตัวเพิ่มแรงเสียดสีช่วยให้พื้นทางไม่ลื่นและเดินได้สะดวกในเวลาฝนตก

หินกาบยังมีอายุการใช้งานที่นาน รับน้ำหนักได้เยอะ เหมาะสำหรับปูพื้นในที่ที่มีการใช้งานหนัก สีที่เข้มโดยธรรมชาติประกอบกับพื้นผิวที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้หินกาบสามารถเข้าได้กับทั้งสวนสไตล์ รัสติก (Rustic) ไปจนถึงสไตล์มินิมอล (Minimal) และสไตล์หรูหรา (Luxury)

ข้อเสีย-จุดด้อย

หินกาบที่เป็นแบบฟรีฟอร์มมักจะมีความหนาไม่เท่ากัน ตัวหินเองยังมีน้ำหนักค่อนข้างมาก ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการติดตั้ง อีกทั้งเนื้อที่เป็นเส้นยังทำให้หินแตกหักง่ายซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตราย

หินกรวด (Pebble)

หินกรวดแม่น้ำเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ยอดนิยมของการปูพื้นหินในสวน หลาย ๆ ท่านอาจจะเคยเห็นหินกรวดรูปทรงโค้งมนในสถานที่อย่างรีสอร์ทและสปา หินกรวดพบได้จากแหล่งน้ำในทั้งแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็มมีรูปทรงที่เกิดมาจากการกะเทาะ กัดเซาะ และเสียดสีที่เกิดจากการไหลตามกระแสน้ำ ซึ่งนอกจากจะนิยมใช้ปูพื้นหินเพื่อตกแต่งแล้ว หินกรวดบางประเภทยังถูกใช้เป็นส่วนผสมของคอนกรีตในการก่อสร้างอีกด้วย

ข้อดี-จุดเด่น

หินกรวดมีผิวเรียบเนียนและรูปทรงกลมมนที่เพิ่มความอ่อนโยนและสร้างบรรยากาศแห่งการผ่อนคลายได้ดี สีและขนาดของหินกรวดก็มีให้เลือกหลากหลายในท้องตลาด และพื้นหินกรวดยังเป็นพื้นที่ที่น้ำไม่ขัง ดูแลง่าย และมีราคาไม่แพง

ข้อเสีย-จุดด้อย

ผิวที่เนียนและรูปร่างโค้งมนทำให้พื้นหินกรวดมีความลื่นและอาจจะทำให้เดินได้ลำบาก รูปทรงที่โค้งมนนี้ยังทำให้มันเคลื่อนที่ได้ง่าย พื้นหินกรวดอาจจะต้องได้รับการเกลี่ยค่อนข้างบ่อยเพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ที่บนพื้น

เกร็ดความรู้จาก G1; หลายคนอื่นเคยได้ยินคำว่า Gravel ซึ่งแปลว่าหินกรวดเหมือนกับคำว่า Pebble ซึ่งความแตกต่างระหว่าง gravel และ pebble อยู่ที่ลักษณะรูปร่างของกรวด คำว่า gravel จะใช้พูดถึงหินกรวดที่เกิดจากการแตกหักของหินก้อนใหญ่ มีขอบมุมที่แหลมและเนื้อที่ขรุขระ มักใช้เป็นส่วนผสมของคอนกรีต ในขณะที่ pebble จะเป็นกรวดผิวเรียบที่มีความโค้งมน ซึ่งนิยมใช้ในการตกแต่งมากกว่า

หินลูกเต๋า (Cobblestone)

หินลูกเต๋าหรือหินคอบเบิล แท้จริงแล้วก็คือ หินปูน หินแกรนิต และหินบะซอลท์ที่ถูกนำตัดแต่งให้เป็นทรงลูกเต๋า โทนสีของหินเต๋ามักมีสีเข้ม มีพื้นผิวขรุขระ เกิดเป็นคราบสกปรกได้ยาก และเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการใช้ปูพื้นสวน พื้นทางเดิน พื้นถนน หรือแม้แต่พื้นที่โรงรถ

ข้อดี-จุดเด่น

หินลูกเต๋ามีความแข็งแรง ทนทานต่อการสึกหรอทั้งจากสภาพอากาศและรับน้ำหนักได้ดีมาก ๆ ผิวที่ไม่เรียบยังทำให้พื้นหินเต๋าเป็นพื้นที่เดินง่ายไม่ลื่น และยังมีหลายสีให้เลือกตั้งแต่ สีเทา สีดำ สีเบจ สีแทน และสีน้ำตาล

ข้อเสีย-จุดด้อย

หินลูกเต๋าค่อนข้างมีน้ำหนักและมีขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยช่างเฉพาะทางที่มีความรู้และประสบการณ์ในการปู ซึ่งอาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร่องระหว่างหินเต๋าแต่ละก้อนยังเป็นพื้นที่ที่หญ้าและวัชพืชสามารถเติบโตได้ นอกจากนี้ พื้นผิวและรูปทรงของหินเต๋ายังเป็นข้อจำกัดในเรื่องของสไตล์

หินแกรนิต (Granite)

แกรนิตเป็นหินอัคนีที่เกิดขึ้นมาจากแมกมาหลอมเหลวที่เย็นตัวลงและแข็งตัวอย่างช้า ๆ ภายใต้พื้นผิวโลก ด้วยลักษณะเฉพาะตัว สีที่หลากหลายและความแข็งแรงทนทาน แกรนิตเป็นหนึ่งในหินที่นิยมใช้ในการตกแต่งบ้านมากที่สุดและยังใช้งานได้ดีทั้งกับพื้นที่ภายในและภายนอกอาคาร

ข้อดี-จุดเด่น

แกรนิตขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน มีหน้าหินที่แข็ง ทนการขีดข่วนได้ดี และมีลักษณะลวดลายสง่างามที่เกิดจากแร่ต่าง ๆ ที่ตกผลึกอยู่ในหิน ความหลากหลายของสีและลวดลายทำให้แกรนิตเป็นเหมาะกับสไตล์การตกแต่งหลายแบบ เช่น สวน Zen แบบญี่ปุ่น หรือสวน Cottage แบบอังกฤษ

ข้อเสีย-จุดด้อย

หินแกรนิตมีราคาเริ่มต้นที่สูงเมื่อเทียบกับหินธรรมชาติชนิดอื่น ๆ และยังเป็นหินที่มีน้ำหนักมากทำให้ขนย้ายได้ยาก พื้นผิวของแกรนิตยังค่อนข้างลื่นเมื่อเปียกน้ำซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

หินอ่อน (Marble)

หินอ่อนมีความแข็งแรง แต่ก็มีเนื้อหินที่ยืดหยุ่นทำให้มันสามารถถูกนำไปแปรสภาพและใช้งานได้หลายรูปแบบ สีที่หลากหลายและลวดลายเฉพาะตัวยังทำให้หินอ่อนกลายเป็นองค์ประกอบแห่งความหรูหราที่ดูเรียบง่ายและไม่แข็งกระด้าง

ข้อดี-จุดเด่น

หินอ่อนเป็นหินที่ให้ความเย็นได้ดี มีเนื้อละเอียดและใส ทำให้สวนดูสว่างและภูมิฐาน

ข้อเสีย-จุดด้อย

หินอ่อนมีราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง มีน้ำหนักมากเหมือนหินแกรนิต และยังเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย ไม่เหมาะกับพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก

หินปูพื้นแต่ละประเภทและข้อดีข้อเสีย

ประเภทหิน ข้อดี ข้อเสีย
หินกาบ หินสเลท (Slate) ทนต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดี และยังกันน้ำได้ดีมาก มีอายุการใช้งานที่นาน รับน้ำหนักได้เยอะ มักจะมีความหนาไม่เท่ากัน มีน้ำหนักค่อนข้างมาก เนื้อที่เป็นเส้นทำให้หินแตกหักง่าย
หินกรวด (Pebble) เพิ่มความอ่อนโยนและสร้างบรรยากาศแห่งการผ่อนคลายได้ดี น้ำไม่ขัง ดูแลง่าย ราคาไม่แพง มีความลื่นและอาจจะทำให้เดินได้ลำบาก เคลื่อนที่ได้ง่าย
หินลูกเต๋า (Cobblestone) มีความแข็งแรง ทนทานต่อการสึกหรอ เดินง่ายไม่ลื่น ค่อนข้างมีน้ำหนักและมีขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อน ค่าใช้จ่ายสูง
หินแกรนิต (Granite) มีความทนทาน มีหน้าหินที่แข็ง ทนการขีดข่วนได้ดี มีราคาเริ่มต้นที่สูงเมื่อเทียบกับหินธรรมชาติชนิดอื่น ๆ มีน้ำหนักมากทำให้ขนย้ายได้ยาก ค่อนข้างลื่นเมื่อเปียกน้ำ
หินอ่อน (Marble) ให้ความเย็นได้ดี มีเนื้อละเอียดและใส ทำให้สวนดูสว่าง มีราคาเริ่มต้นค่อนข้างสูง มีน้ำหนักมากเหมือนหินแกรนิต และยังเป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย

ความสำคัญของการปูพื้นหินในสวนของคุณ

การแต่งสวนเป็นโปรเจกต์ที่ใครหลาย ๆ คนชอบและเป็นกิจกรรมที่สมาชิกในครอบครัวทุกคนสามารถเอ็นจอยร่วมกันได้ และนอกจากพื้นหินจะทำหน้าที่เป็นทางเดินช่วยให้เราได้ใช้สวนอย่างเต็มที่แล้ว แน่นอนว่ามันยังเป็นองค์ประกอบที่เพิ่มมิติ เสน่ห์และแสดงถึงความเป็นตัวคุณได้เป็นอย่างดี หินเป็นวัสดุที่ทำให้เราสามารถเติมแต่งรูปทรง สี และสไตล์เข้าไปในสวนได้โดยไม่ละทิ้งสุนทรียภาพที่เป็นธรรมชาติ

แต่ประโยชน์ของการปูพื้นหินในสวนมีมากกว่านั้น พื้นหินยังเป็นตัวช่วยในการระบายน้ำในสวน การปูพื้นหินไม่ว่าจะด้วยหินกรวดละเอียด แผ่นหินกาบ หินแกรนิต หรือหินอ่อนแผ่นใหญ่ เป็นวิธีการป้องกันการเกิดน้ำขังที่ดีและช่วยปกป้องการเสื่อมสภาพของหน้าดินที่เกิดจากฝน ลม และจากกิจกรรมต่าง ๆ ในสวนด้วย

หินยังช่วยในเรื่องของการคงอุณหภูมิของดิน เพราะมันทำหน้าที่เป็นตัวดูดกลืนความร้อนในวันที่แดดจัด ทำให้เนื้อดินมีความชุ่มชื้น คงสภาพและไม่แห้งกรัง เมื่อตกกลางคืน หินเหล่านี้ก็จะคายความร้อนออกมา ความอบอุ่นตรงนี้จะช่วยย่อยสลายแร่ธาตุและสารอาหารต่าง ๆ ในเนื้อดิน ซึ่งช่วยคงความอุดมสมบูรณ์ให้สวนของคุณเหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชพันธุ์ต่อไป

คนที่กำลังจะแต่งสวนหรือมีสวนอยู่แล้วจะรู้ดีว่า สวนที่สวยต้องได้รับการดูแล มีการตัดหรือถางวัชพืชและรักษาต้นไม้ที่ปลูกอย่างสม่ำเสมอ การดูแลสวนเป็นอะไรที่มีค่าใช้จ่ายและใช้เวลาโดยเฉพาะกับสวนที่ไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่ การปูพื้นหินจึงเป็นตัวช่วยที่ดีในส่วนของการดูแลรักษา เพราะหินจะช่วยกั้นขอบเขตและลดการเติบโตของวัชพืช ทำให้สวนไม่รก ไม่จำเป็นต้องถางบ่อย และทำให้ต้นไม้หรือดอกไม้ในสวนของคุณเติบโตได้อย่างไม่ถูกแย่งสารอาหาร

นอกจากนี้ หินยังเป็นวัสดุที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ดูแลง่าย เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมและเป็นความสวยงามที่อยู่เหนือกาลเวลา การปูพื้นหินในสวนจึงเป็นหนึ่งในวิธียกระดับการแต่งบ้านที่ยอดเยี่ยมและคุ้มค่าอย่างแท้จริง

วิธีปูพื้นหินให้สวนสวย

  • เริ่มจากการวางแผนผังและวางดีไซน์ของพื้นที่ที่จะปูพื้นก่อน
  • ศึกษาลักษณะพื้นดินที่จะเป็นฐานของการปูพื้นหินและเช็กสภาพความมั่นคง โดยหากเป็นพื้นที่ที่จะต้องมีรถผ่าน ควรเสริมพื้นด้วยคอนกรีตก่อน
  • เตรียมพื้นดินด้วยการปรับรระดับให้เสมอกัน และกำจัดวัชพืชในบริเวณออก
  • กำหนดขอบเขตในการปูด้วยการใช้อิฐหรือขอบสำเร็จรูปวางเรียงเพื่อกั้นแนว
  • ปูพื้นด้วยตาข่ายรองหิน หรือแผ่นใยสังเคราะห์เพื่อไม่ให้หินจมลงไปในพื้นดินข้างล่าง
  • ปูพื้นด้วยทรายหยาบก่อนเพื่อเสริมความแข็งแรง อดทรายให้แน่น โดยหากเป็นพื้นที่ที่ต้องรับน้ำหนักมาก แนะนำให้ชั้นทรายมีความหนาประมาณ 3-5 เซนติเมตร 
  • หากเป็นการปูหินทับบนพื้นคอนกรีตเดิม ให้เริ่มขั้นที่ตอนอัดทรายได้เลย
  • วางหินปูพื้นลงไปตามที่ได้วางแผนไว้ แล้วโรยทรายตามร่องของหินแต่ละแผ่น
  • ปรับระดับพื้นหินให้มีระนาบเดียวกัน เท่านี้ก็ถือว่าเสร็จขั้นตอนการปูพื้นหินแล้ว

สิ่งที่ควรคำนึงถึงการเริ่มปูพื้นหินในสวน

อย่างที่เรารู้กันว่าการแต่งสวนหรืองานแลนด์สเคปเป็นโปรเจ็ตที่มีค่าใช้จ่ายสูงในระดับหนึ่ง ก่อนจะเริ่มปูพื้นหินในสวน เราควรคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้

สไลต์และธีม

การวางธีมและกำหนดสไตล์การตกแต่งที่ชัดเจนจะช่วยให้สวนของคุณออกมาดูสวยและไม่สะเปะสะปะ สไตล์ที่ชัดเจนยังจะช่วยให้คุณสามารถเลือกพันธุ์ไม้ ของตกแต่ง รวมไปถึงประเภทของหินได้อย่างเหมาะสม และช่วยคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในงบอีกด้วย

ประเภทหินและการใช้งาน

การใช้งานเป็นหัวใจสำคัญของโปรเจกทุกโปรเจก ก่อนเริ่มปูพื้นและตกแต่ง เราควรคำนึงถึงการใช้งานในพื้นสวนว่า สวนของเราเป็นสวนประเภทไหน มีการจัดกิจกรรม-กีฬาหรือไม่ หรือเป็นสวนที่เน้นความสวยงามเป็นหลัก

ความปลอดภัย

เมื่อคำนึงถึงลักษณะการใช้งานของสวนแล้ว ก็ควรคำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งานด้วย เราควรเลือกหินที่มีพื้นผิวที่หยาบ และแข็งแรงคงทนในการปูพื้นที่บริเวณที่เป็นทางเดินหลัก หรือพื้นที่เปียกเช่น หินเต๋า และอาจจะเลือกหินที่มีผิวเรียบลื่นไปไว้ในบริเวณที่แห้งและเน้นการตกแต่ง

การติดตั้ง

การติดตั้งถูกวิธีจะช่วยให้การดูแลหินเป็นเรื่องง่ายและไม่เสียค่าใช้จ่ายเยอะ ข้อผิดพลาดของมือใหม่จัดสวนหลาย ๆ คนคือการปูพื้นหินโดยไม่ปรับระดับดินก่อน การติดตั้งหินลงบนพื้นดินที่ไม่แข็งจะทำให้พื้นหินไม่สม่ำเสมอ และทำให้หินจมลงในตัวดิน การเตรียมดินก่อนจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการปูพื้นหิน หลังจากปรับหน้าดินแล้วควรใช้ตาข่ายรองหินหรือแผ่นใยสังเคราะห์ ปูรองก่อนที่จะลงหิน เพื่อป้องกันไม่ให้หินจมลงไปในดินข้างล่าง และยังช่วยให้หญ้าขึ้นแทรกบริเวณหินได้ยาก

สุดท้ายนี้ หากคุณยังลังเลใจ ไม่รู้ว่าจะเลือกหินประเภทไหนในการปูพื้นสวน หรือไม่มั่นใจว่าจะต้องวางแผนจัดตกแต่งบ้านด้วยหินอย่างไร G1 Stoneworks มีช่างเฉพาะทางที่รู้และชำนาญเรื่องหิน ๆ และนักออกแบบที่สามารถช่วยรังสรรค์ให้บ้านของคุณน่าอยู่ได้ ด้วยวัสดุคุณภาพสูง ความใส่ใจและการทำงานอย่างมืออาชีพ